การกำหนด และการต่อต้าน การสนับสนุน

+

การกำหนดและการต่อต้านการสนับสนุน สนับสนุนและความต้านทานที่ใช้ในการระบุระดับที่สำคัญแนวโน้มราคามีโอกาสมากขึ้นในการลังเลและอาจจะเปลี่ยนทิศทาง มันอาจจะเป็นราคาที่เฉพาะเจาะจงหรือพื้นที่ราคา แปลความหมายของระดับความสำคัญของระดับขึ้นอยู่กับกรอบเวลาที่ผู้ประกอบการของ ที่ดีที่สุดคือการใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Fibonacci retracement อัตราส่วนและเส้นแนวโน้มเพื่อรองรับรูปแบบราคา อย่างไรก็ตามการสนับสนุน / พื้นที่ต้านทานสามารถซื้อขายขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียว การสนับสนุนและความต้านทานสาย ระดับการสนับสนุนที่ผู้ซื้อมีขั้นตอนในและกลายเป็นเชิงรุกมากขึ้นดังนั้นการรักษาราคาที่ลดลงจากไป ขณะที่ราคาลดลงต่อการสนับสนุนการขายลดลงความดันเนื่องจากราคาที่ต่ำกว่าและผู้ซื้อกลายเป็นก้าวร้าวมากขึ้นเนื่องจากราคาที่ต่ำกว่านี้ ระดับการสนับสนุนจะได้รับการหักและราคาจะลดลงด้านล่าง ราคานั้นจะกลายเป็นต้านทานระดับในอนาคต ระดับความต้านทานเป็นที่ที่ผู้ขายในขั้นตอนและเป็นเชิงรุกมากขึ้นและมีการให้ราคาที่สูงขึ้นจากไป ขณะที่การชุมนุมที่มีต่อราคาต้านทานการซื้อลดลงความดันเนื่องจากราคาที่สูงขึ้นและการขายเพิ่มความดัน ระดับความต้านทานในที่สุดก็จะถูกทำลายและราคาจะเพิ่มขึ้นข้างต้นนั้น ราคานั้นจะกลายเป็นระดับการสนับสนุนในอนาคต หลักและรองและการต่อต้านการสนับสนุน มีการสนับสนุนจำนวนมากมีแนวปะทะอยู่ในชาร์ตที่กรอบเวลาที่ทุกคนที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ทางออกหรือจัดการธุรกิจการค้า แปลความหมายของระดับความสำคัญของการสนับสนุน / ต้านทานขึ้นอยู่กับกรอบเวลาสำหรับการค้าไม่ว่าจะเป็นการค้าเป็นเวลานานหร​​ือสั้นและวิธีการหลายช่วงเวลาแผนภูมิแสดงให้เห็นว่าราคาที่เฉพาะเจาะจงหรือพื้นที่ที่มีความสำคัญ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดระดับในกรอบเวลาที่กำหนดที่สำคัญที่สุดกับกลยุทธ์การค้าของคุณ อีกต่อกรอบเวลาที่สำคัญการสนับสนุนที่มีศักยภาพ / ต้านทานระดับกลายเป็น ยกตัวอย่างเช่นการระบุการสนับสนุน / ต้านทานในกราฟรายสัปดาห์เป็นไปได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่ากราฟรายวันซึ่งจะมีความสำคัญมากกว่าแผนภูมิระหว่างวัน ถ้าคุณเป็น 1-3 สัปดาห์ผู้ประกอบการแกว่งมีอาจจะไม่ได้อย่างมีนัยสำคัญมากในการสนับสนุนระหว่างวัน / ระดับความต้านทาน โปรดจำไว้ว่าการตีความค่อนข้างส่วนตัวและพฤติกรรมของราคาอยู่ในระดับที่สำคัญเหล่านี้จะช่วยตรวจสอบการกระทำที่ผู้ประกอบการจะใช้เวลา การสนับสนุนหลักและรอง / ระดับความต้านทานจะถูกกำหนดโดยจำนวนของตัวชี้วัดที่สนับสนุนการตีความของระดับ Pivot Points จุดหมุนเป็นจุดซื้อที่เหมาะ มันเป็นจุดที่แบ่งราคาที่ผ่านการสนับสนุนหรือความต้านทานและการค้าควรจะเริ่ม ณ จุดที่น่าจะได้เพิ่มขึ้นราคาที่จะตามมาผ่านตามที่คาดไว้ ย้ายค่าเฉลี่ย ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นหนึ่งใช้กันมากที่สุดชี้วัดทางเทคนิค พวกเขาเรียบออกความผันผวนของราคาและช่วยให้รับรู้และยืนยันการตีความพฤติกรรมของราคา ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะใช้ในการยืนยันหรือสนับสนุนการตีความของระดับการสนับสนุน / ต้านทานรวมทั้งระบุระดับที่สำคัญสำหรับตแนวโน้มและการพลิกผัน ใช้กันมากที่สุดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะง่ายและชี้แจง: ง่าย - ใช้ราคาปิดในช่วงระยะเวลาที่กำหนดของเวลาและคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่มีน้ำหนักเท่ากันมอบให้กับแต่ละจุดราคา ให้สัญญาณภายหลังกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ชี้แจง เอก - ใช้ราคาปิดในช่วงระยะเวลาที่กำหนดของเวลาและคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่โดยให้น้ำหนักมากขึ้นจุดราคาปัจจุบัน ให้สัญญาณก่อนหน้านี้กว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่เรียบง่าย เช่นเดียวกับการชี้วัดทางเทคนิคทั้งหมดค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ควรจะนำมาใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่นราคา พวกเขาจะมีประโยชน์มากที่สุดในตลาดและมีแนวโน้มที่สามารถใช้กับเครื่องมือทางการเงินที่ซื้อขายทั้งหมดรวมทั้งหุ้นและดัชนี กรอบเวลาที่พบมากที่สุดคือ 10, 20, 50, 100, และ 200 ระยะเวลาค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ อีกต่อกรอบเวลาที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่อาจเกิดขึ้น ระยะเวลา 200 ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะไปมีความสำคัญมากขึ้นกว่าระยะเวลา 10 และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเป็นไปตามที่สัญญาณจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 บนแผนภูมิระหว่างวันจะมีความสำคัญน้อยกว่าในกราฟรายวัน เนื่องจากตลาดมีเศษส่วน (รูปแบบเดียวกันเปิดเผยตัวเองในกรอบเวลาที่ทุกคน) ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่สามารถใช้กับแผนภูมิใด ๆ ไม่ว่าสิ่งที่กรอบเวลาที่ การตรวจสอบระยะเวลาที่คุณควรใช้ตรวจสอบสิ่งที่กรอบเวลาที่คุณกำลังพยายามที่จะค้า - ระยะสั้นกลางหรือยาว โดยทั่วไประยะสั้นเป็นระยะเวลา 25 หรือน้อยกว่ากลางเป็น 25-100 และระยะยาว 100-200 ระยะเวลา